วันอาทิตย์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2550

karei naru ichizoku

ซีรี่ย์ชุดยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตการแสดงของ ทาคุยะ คิมุระ


Karei naru Ichizoku : Introduction(แปลและเรียบเรียงจากเวป http://www.tbs.co.jp/karei2007/)

ภาพยนตร์เรื่องเยี่ยมที่จะสะท้อนให้เห็นถึง
ธาตุแท้ของความเป็นมนุษย์ในปัจจุบัน ได้อย่างไม่คาดฝัน


บทภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นบทประพันธ์ที่น่าหลงใหลและชวนให้ติดตามทั้งยังเป็นบทประพันธ์สุดรักของเจ้าของ จากปลายปากกาของยามาซากิ โทโยโกะ ซึ่งได้รับการตอบรับมาจากผู้ชมอย่างท่วมท้น(1974) จนเป็นเหตุให้ต้องมีการนำเอามาทำเป็นภาพยนตร์โทรทัศน์กันอีกครั้งหนึ่ง โดยที่จุดเด่นของภาพยนตร์เรื่องนี้นั้นอยู่ที่การแสดงออกและเปรียบเทียบได้อย่างสมจริงสมจังในด้านของนิสัยและอารมณ์ของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นมนุษย์ปุถุชนทั้งหลายที่มีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นทั้งอารมณ์ที่แสดงออกถึงการดีใจ, เสียใจ,
เจ็บปวด, ผิดหวัง ตลอดจนสภาพสังคมในปัจจุบันที่คนดีเริ่มจะเลือนหาย แต่คนชั่วเริ่มย่างกลายเข้ามาแทน...
นอกจากนี้ตัวละครหลายๆตัวที่ปรากฏอยู่ในเรื่องละครนี้นั้น หากใครได้ลองรับชมแล้วจะเห็นได้ว่าตัวละครต่างๆจะมีบุคลิก,
อุปนิสัย, วิธีการแสดงออกถึงอารมณ์และวิธีการแก้ปัญหาที่แตกต่างกันไป ซึ่งเมื่อเรานำมาเปรียบเทียบกับผู้คนที่อาศัยอยู่ในยุคปัจจุบันนี้แล้วแทบจะเรียกได้ว่าไม่ได้มีส่วนใดเลยที่ต่างกัน ดังนั้น หากเราได้มีโอกาสก็ขอให้ลองรับชมกันดู ไม่แน่ว่ามันอาจจะเป็นส่วนหนึ่ง ในการผลักดันและให้กำลังใจแก่ท่าน ซึ่งกำลังท้อแท้กับชีวิตในยุคปัจจุบันนี้ก็เป็นได้

ทั้งนี้เพื่อเป็นการรวมเฉลิมฉลองแก่สถานี Tokyo Broadcasting System (TBS) จึงได้ดำริ สร้างละครเรื่องนี้อีกครั้งให้สมกับความยิ่งใหญ่ด้วยทุนสร้าง รวมถึงเสื้อผ้าและฉากหลังของประเทศญี่ปุ่นยุคปลาย 60 ทั้งยังรวบรวมดารามากฝีมือ เอาไว้อย่างคับคั่งที่จะมาประชันบทบาทกันอย่าเข้มข้นกันใน Karei naru Ichizoku ภาพยนต์ที่จะพิสูจน์ความเป็นนักสู้ในตัวคุณ


user posted image

การกลับมาของ คิมูระ ทาคุยะ หลังจากที่ห่างหายไปเป็นเวลา 4 ปี
กับบทบาทการแสดงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต


คิมูระ ทาคุยะ นักแสดงชื่อดังที่คิดว่าทุกท่านคงจะรู้จักและรับทราบถึงฝีมือในการแสดงของเขาได้เป็นอย่างดี
แต่หลังจากที่ละครเรื่อง Good Luck ได้ปิดฉากลงไป เราก็ไม่มีโอกาสได้รับชมฝีมือการแสดงละครของเขาอีกเลย
แต่ทว่ามาในครั้งนี้เขาได้หวนกลับมาอีกครั้ง โดยกลับมารับบทบาทเป็น มันเปียว เทปเป ซึ่งเป็นลูกชายคนโตของ มันเปียว ไดสุเกะ
เจ้าพ่อกลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมมันเปียว ยักษ์ใหญ่แห่งวงการธุรกิจของญี่ปุ่น โดยที่บุคลิกและลักษณะนิสัยของ เทปเป นั้น
เขาเป็นคนที่ขยันขันแข็ง เอาจริงเอาจัง พูดจาตรงไปตรงมา และเอาใจใส่ผู้คนที่อยู่รอบข้างได้อย่างดีเยี่ยม

ดังนั้นเขาจึงเป็นทั้งที่รักและที่เชิดชูบูชาจากบรรดาผู้คนที่อยู่รอบข้างเขา แต่ทว่าในขณะเดียวกันนั้นเอง ยิ่งเขาเป็นที่รักของบรรดาผู้คนมากขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งมีคนที่เกลียดเขามากขึ้นเท่านั้น และเนื่องจากว่าเขามีบุคลิกที่แทบจะเรียกได้ว่าเป็นผู้นำในอุดมคติที่หลายคนนั้นอยากจะให้มีก็ยิ่งทำให้เกิดผู้ที่เกลียดชังและหมายที่จะปองร้ายเขามากขึ้น และด้วยลักษณะนิสัยทั้งหมดที่กล่าวมานี้เอง
จึงทำให้ผู้ที่จะมารับบทเป็น เทปเป นั้น จะเป็นใครอื่นไปไม่ได้นอกเสียจาก คิมูระ ทาคุยะ เท่านั้น เพราะ คิมูระ ทาคุยะ
เป็นนักแสดงที่ได้รับความชื่นชอบจากบรรดาผู้ชมทุกเพศทุกวัย และมีฝีไม้ลายมือในการแสดงเป็นอย่างมาก
พร้อมทั้งผ่านเวทีการแสดงมาแล้วอย่างนับไม่ถ้วน ดังนั้น ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้บรรดาแฟนๆที่ตั้งหน้าตั้งตารอชม
ผลงานของเขาได้กลับมารับขมกันอีกครั้งหนึ่ง


Karei naru Ichizoku : Story
(แปลและเรียบเรียงจากเวป http://www.tbs.co.jp/karei2007/)

ช่วงปลายยุค 60 มันเปียว เทปเป (คิมูระ ทาคุยะ) ผู้บริหารหนุ่มไฟแรงของบริษัทผลิตและแปรรูปเหล็กในแถบฮันชิน (โอซาก้า-โกเบ)
ซึ่งมีบุคลิกนิสัยเป็นที่ชื่นชอบของบรรดาพนักงานที่เป็นลูกน้องของเขา ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากว่า เขามักจะให้ความสำคัญกับบรรดาลูกน้องของเขามาก่อนเป็นอันดับแรก ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม อีกทั้งเขายังมีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะพัฒนาบริษัทของเขาให้ขึ้นเป็นบริษัทอันดับหนึ่งของญี่ปุ่นให้ได้นั่นเอง

user posted image

ในอีกด้านหนึ่ง มันเปียว ไดสุเกะ (คิตาโอจิ คินยะ)พ่อของเขาซึ่งเป็นประธานของกลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมมันเปียวและธนาคารกลางฮันชินนั้นก็ได้เริ่มตระหนักถึงวิฤตการณ์อันเลวร้ายที่กำลังจะมาเยือนในอนาคต อันเนื่องมาจากโครงสร้างทางการเงินที่อาจจะมีการเปลี่ยนแปลง ไปจนทำให้กลุ่มอุตสาหกรรมมันเปียวต้องปิดตัวลงในระยะเวลาไม่นาน ดังนั้น เขาจึงต้องการที่จะสั่งสอนลูกๆหลานๆของเขาให้ได้เรียนรู้ถึงการใช้ชีวิตในโลกอันโหดร้ายของธุรกิจ เขาจึงได้เริ่มที่จะวางแผนการบางอย่างขึ้นมา...และแล้วเมื่อวิกฤตการณ์อันเลวร้ายนั้นได้เกิดขึ้นจริง

user posted image

บริษัทของ เทปเป ที่ยังคงถือว่าเป็นบริษัทขนาดเล็กอยู่นั้นก็เลยได้รับผลกระทบมากพอสมควร ประกอบกับ เทปเป เอง
ก็เริ่มที่จะรำคาญกับปัญหาซึ่งเกิดจากกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็กยักษ์ใหญ่ที่คอยส่งมอบเหล็กให้กับเขา ดังนั้น เขาจึงบากหน้ากลับไปหาพ่อบังเกิดเกล้า เพื่อที่จะขอยืมเงินมาสร้างเตาหลอมเหล็กที่เป็นของเขาเอง แต่ทว่าก็โดนพ่อของเขาปฏิเสธกลับมาอย่างไม่ไยดี และด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายมากขึ้นและก็ทำให้ชีวิตของเขาเริ่มที่จะเปลี่ยนแปลงไปนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

user posted image
user posted image

สุดท้ายนี้ เขาจะสามารถกลับมายืนหยัดและลุกขึ้นมาต่อสู้ใหม่กับสภาวะเศรษฐกิจอันเลวร้ายนี้ได้หรือไม่ และเขาจะสามารถฝ่าฟันกับบรรดาคู่แข่งทางธุรกิจได้หรือเปล่า อีกทั้งเขาจะมีวิธีจัดการอย่างไรกับบรรดาญาติสนิทมิตรสหายที่เฝ้าแต่คอยอิจฉาและปองร้ายเขา
เรามาร่วมคอยลุ้นและให้กำลังใจพร้อมกับเฝ้าติดตามชมผลงานละครเรื่องใหม่ของพระเอกตลอดกาลของเราคนนี้กันดีกว่า

user posted image
user posted image

Karei naru Ichizoku : Character&Cast

user posted image

มันเปียว เทปเป รับทบโดย คิมูระ ทาคุยะ
บุตรชายคนโตของตระกูลมันเปียว ทำงานในบริษัทผลิตและแปรรูปเหล็กในแถบฮันชิน จบการศึกษาจากคณะวิศวกรรมสาขาโลหะกรรมของมหาวิยาลัยโตเกียว เขาปฏิเสธที่จะรับเป็นผู้สืบทอดกิจการต่อจากไดสุเกะผู้ซึ่งเป็นคุณพ่อของเขา หลังจากนั้นมาเขาจึงได้เดินทางไปศึกษาต่อยังมหาวิยาลัยแมสซาซูเซสประเทศอเมริกาแล้วจึงได้เข้ามาทำงานในบริษัทผลิตและแปรรูปเหล็กในปัจจุบัน

ต่อมาเขาก็ได้เข้าพิธีแต่งงานกับซานาเอะ บุตรสาวคนโตของรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์โอคาวะ อิจิโร เขามีบุคลิกและลักษณะนิสัยที่เหมือนกับปู่ของเขา คือเป็นคนที่มีความกระตือรือร้นและมีอุดมการณ์ในตัวเองเป็นอย่างสูง และด้วยลักษณะนิสัยนี้ของเขานั่นเอง
จึงทำให้ไดสุเกะผู้ซึ่งเป็นคุณพ่อของเขาไม่ค่อยจะพอใจซักเท่าไหร่นัก ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เนื่องมาจากว่าเขาเองเลือกที่จะให้ความสำคัญกับพนักงานที่อยู่ในสายงานของเขามากกว่าจะให้ความสำคัญ กับผลกำไรที่จะได้ในแต่ละเดือน ก็เลยทำให้บรรดาพนักงานที่เป็นลูกน้องของเขานั้น รักและเทิดทูนบูชาในตัวของเขาเป็นอย่างยิ่ง แต่ในขณะเดียวกันนั้น มันก็ทำให้เขาขาดความรอบคอบและดุลยพินิจในการตัดสินใจได้อย่างเยือกเย็น ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการเป็นนักธุรกิจที่ดีอยู่ในตัว จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อไดสุเกะได้ตั้งใจวางแผนที่จะรวบธุรกิจของเขามาไว้ในมือของตัวเอง หลังจากนั้นมาเขาก็เลย...

user posted image

มันเปียว ไดสุเกะ รับทบโดย คิตาโอจิ คินยะ
เจ้าพ่อนักธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ ผู้ซึ่งเป็นประธานของกลุ่มอุตสาหกรรมมันเปียวที่เป็นเจ้าของกิจการอุตสาหกรรมเกือบทุกประเภทในแถบคันไซ และยังเป็นประธานคณะกรรมการของธนาคารกลางฮันชินอีกด้วย เพื่อความเจริญก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องของกลุ่มอุตสาหกรรมมันเปียว เขาจึงได้วางแผนการจัดงานแต่งงานให้กับบรรดาลูกๆของเขา บุคลิกของเขานั้นเป็นชายที่มีมาดนุ่มลึกและสูงส่งสมกับเป็นคนที่มาจากตระกูลผู้ดีเป็นอย่างยิ่งและมีความเยือกเย็นในการตัดสินใจตามแบบฉบับของนักธุรกิจผู้ซึ่งมากประสบการณ์ ปัจจุบันเขาอาศัยอยู่กับภรรยา 2 คน คือยาสุโกะและไอโกะโดยมีเหตุผลว่าเพื่อความเจริญก้าวหน้าทางด้านธุรกิจและนอกจากนั้นเขายังมีเป้าหมายที่จะปฏิรูปอุตสาหกรรมไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ หรือขนาดเล็กใหม่ทั้งหมด ดังนั้น เขาจึงได้วางแผนบางอย่างกับเทปเปที่มาขอความช่วยเหลือของเขาในวันนั้น และเมื่อดูจากภายนอกแล้วดูเหมือนว่าเขาจะมีบุคลิกที่เย็นชาและไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งสิ้น แต่ทว่าภายในใจลึกๆของเขานั้นกลับรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก

user posted image

มันเปียว ซานาเอะ รับทบโดย ฮาเซงาวะ เคียวโกะ
ภรรยาของเทปเป ผู้ซึ่งแต่เดิมเป็นลูกสาวคนโตของรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ แต่ทว่าเมื่อ 8 ปีที่แล้ว
เนื่องด้วยเหตุผลทางการเมืองเธอจึงได้แต่งงานและเข้ามาเป็นลูกสะใภ้ในตระกูลมันเปียว
ดูเหมือนว่าชีวิตการแต่งงานของเธอจะราบรื่นและดำเนินไปได้ด้วยดีแท้ๆ
แต่เมื่อเธอได้รับทราบถึงความสัมพันธ์ของเทปเปและฟุซาโกะ หลังจากนั้นมาเธอจึง...

user posted image

ทาคาสุ ไอโกะ รับทบโดย ซูซูกิ เคียวกะ
หญิงสาวผู้ซึ่งเปี่ยมไปด้วยใบหน้าและเรือนร่างที่งดงามเป็นอย่างมาก เมื่อ 15 ปีที่แล้วตอนที่เธอได้เข้ามาทำงานเป็นอาจารย์ให้กับบรรดาลูกๆของไดสุเกะ ในตอนนั้นเองที่เธอได้แอบลักลอบมีความสัมพันธ์กันอย่างลับๆกับไดสุเกะ จนกระทั่งต่อมาเธอจึงได้เข้ามาแต่งงานและยึดอำนาจของตระกูลมันเปียว ไปจากยาสุโกะโดยสิ้นเชิง อีกทั้งเธอยังเป็นผู้ที่ริเริ่มวางแผนในการจัดงานแต่งงานให้กับบรรดาลูกๆของไดสุเกะอีกต่างหาก บุคลิกนิสัยของเธอนั้น เธอเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานและมักใหญ่ใฝ่สูงเป็นอย่างมาก แต่ทว่าทั้งนี้ทั้งนั้นก็เนื่องมาจากว่าในอดีตเธอเคยเป็นผู้ที่สูญสิ้นทุกอย่างไปกับความรัก ในตอนที่ไปแต่งงานกับสามีชาวอเมริกัน หลังจากนั้นมาเธอจึงได้ตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตในแบบที่ไม่มีความรักใดๆเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย แต่ทว่าในใจลึกๆของเธอแล้วนั้น เธอเป็นผู้ที่เข้าใจในด้านความรักได้ดีกว่าใครทั้งหมด

user posted image

มันเปียว กินเป รับทบโดย ยามาโมโตะ โคจิ
ลูกชายคนรองของตระกูลมันเปียว จบการศึกษามาจากมหาวิทยาลัยเคโอเหมือนกับไดสุเกะพ่อของเขา และได้เข้ามาทำงานเป็นผู้จัดการสำนักงานใหญ่ของธ.กลางฮันชิน บุคลิกนิสัย, ลักษณะท่าทาง, การตัดสินใจและความเป็นผู้นำของเขานั้นแทบจะเรียกได้ว่าถอดแบบมาจากไดสุเกะผู้ซึ่งเป็นคุณพ่อของเขาทุกอย่าง
ดังนั้น เขาจึงได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นผู้สืบทอดกิจการคนต่อไปนั่นเอง และเมื่อเปรียบเทียบกับเทปเปผู้ซึ่งเป็นพี่ชายของเขานั้น
ทั้งสองคนแทบจะไม่มีอะไรเหมือนกันเลยไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพราะว่าเขาได้ตัดสินใจแล้วที่จะทิ้งความรู้สึกทุกอย่างไปมุ่งหน้าแสวงหาแต่ความเจริญก้าวหน้าทางด้านธุรกิจเพียงอย่างเดียว ยกเว้นก็แต่ตอนที่อยู่ต่อหน้าคุณแม่ของเขาเท่านั้น เขาถึงได้แสดงความเป็นมนุษย์ออกมาให้เห็นบ้าง และเนื่องจากเหตุผลที่เขารู้สึกผิดหวังกับชีวิตการแต่งงานของไดสุเกะพ่อของเขา ดังนั้น เขาจึงไม่เคยเลยที่จะรักใครอย่างจริงจัง และเมื่อเขาได้มาแต่งงานกับมากิโกะ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็เลย...

user posted image

มิมะ อะตารุ รับทบโดย นากามูระ โทรุ
สามีของอิจิโกะลูกสาวคนโตของไดสุเกะ เป็นเจ้าพนักงานผู้ซึ่งมีความสามารถมากจนถึงขนาดในอนาคตได้รับการคาดหมายให้ดำรงตำแหน่งรองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และเมื่อตอนที่เขามีอายุได้ 29 ปีเขาได้รับโอกาสให้เข้ามาตรวจสอบสถานภาพทางการเงินของธนาคารฮันชิน จึงเป็นเหตุให้เขาได้มารู้จักกับไดสุเกะ และด้วยบุคลิกนิสัยบวกกับความสามารถของเขาที่ไปต้องตาของไดสุเกะเข้า เขาจึงได้รับการจัดงานแต่งงานกับอิจิโกะลูกสาวคนโตของตระกูลมันเปียว ดูจากภายนอกแล้วเขามีความรู้สึกชื่นชมและยกย่องไดสุเกะเป็นอย่างมาก แต่ทว่าภายในนั้นเขากลับรู้สึกอิจฉาและมีความทะเยอทะยานที่จะล้มไดสุเกะลงให้ได้ อีกทั้งเขายังมีความรู้สึกดีๆกับไอโกะผู้ซึ่งเป็นภรรยาน้อยของ ไดสุเกะอีกต่างหาก ดังนั้น เขาก็เลย...

user posted image

สึรุตะ ฟุซาโกะ รับทบโดย อินาโมริ อิซูมิ
ลูกสาวบุญธรรมของเจ้าของร้านอาหารญี่ปุ่นที่มีชื่อว่า “สึรุโนะ” และเธอยังเป็นเพื่อนเล่นสมัยเด็กของเทปเปอีกด้วย
แต่เนื่องจากการขัดขวางของทั้งไดสุเกะและไอโกะ เธอจึงไม่สามารถสานความสัมพันธ์คบหากับเทปเปต่อได้
หลังจากนั้นมาเธอจึงได้เดินทางไปยังต่างประเทศและไม่กลับมาอีกเลย
จนเมื่อเธอได้มาทราบข่าวที่ว่าคุณแม่บุญธรรมของเธอได้ล้มป่วยลง เธอจึงได้ตัดสินใจเข้ามารับช่วงต่อเป็นเจ้าของร้าน “สึรุโนะ” ต่อจากคุณแม่ของเธอ และเป็นเพราะว่าเธอไม่อยากที่จะเข้าไปขัดขวางชีวิตที่มีความสุขของเทปเป เธอจึงได้แสดงท่าทีเย็นชากับเทปเปทุกครั้งที่เขามาหาเธอ แต่ทว่าในที่สุดแล้วเธอก็...

user posted image

ยาสุดะ มากิโกะ รับบทโดย ยามาดะ ยู
ภรรยาของกินเป ผู้ซึ่งเป็นลูกสาวของประธานกลุ่มอุตสาหกรรมในจังหวัดโอซาก้า เนื่องจากว่าเป็นคนที่มีรูปร่างหน้าตาที่สวยงามอีกทั้งยังเพียบพร้อมไปด้วยชาติตระกูลและการศึกษาที่สูงส่ง จึงเป็นที่ถูกอกถูกใจของไอโกะก็เลยทำให้เกิดการแต่งงานระหว่างกินเปกับมากิโกะขึ้นมา แต่ทว่าทางด้านของกินเปนั้น เขาไม่เคยคิดที่จะรักและดูแลมากิโกะเลยแม้แต่ครั้งเดียว ทั้งนี้เพราะเขาเห็นว่าการแต่งงานระหว่างเขากับมากิโกะนั้นเป็นการแต่งงานเพียงเพื่อเหตุผลทางการเมืองเท่านั้น ก็เลยทำให้มากิโกะเธอต้องทนทุกข์กับชีวิตการแต่งงานที่กำลังดำเนินอยู่ ณ ปัจจุบันเป็นอย่างมาก

user posted image

มันเปียว สึกิโกะ รับบทโดย ไอบุ ซากิ
ลูกสาวคนรองของไดสุเกะ เธอเป็นคุณหนูที่เติบโตขึ้นมาอย่างไร้เดียงสาในตระกูลผู้ดีและกำลังเตรียมตัวเพื่อที่จะเป็นเจ้าสาว
แต่ทว่าเธอก็ยังมีอุปนิสัยบางอย่างที่ติดมาจากบรรดาพวกพี่ชายของเธอ โดยเฉพาะกับเทปเป เธอมีนิสัยที่เรียกได้ว่าเหมือนกับเทปเป
แทบทุกกระเบียดนิ้วเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นทั้งเรื่องที่เป็นคนพูดจาตรงไปตรงมาและมีความภาคภูมิใจในตัวเองเป็นอย่างสูง ดังนั้น
วิถีทางในการดำเนินชีวิตและการกระทำของเทปเปจึงมีอิทธิพลต่อเธอมาก และเมื่อเธอได้มาพบกับอิจิโนเสะซึ่งมีอุปนิสัยเหมือนกับเทปเปทุกอย่าง เธอจึงตัดสินใจที่จะ...

user posted image

มิมะ อิจิโกะ รับบทโดย ฟุกิอิชิ คาสึเอะ
ลูกสาวคนโตของไดสุเกะ เนื่องจากเหตุผลทางการเมืองทั้งไดสุเกะและไอโกะจึงได้จัดการให้เธอมาแต่งงานเป็นภรรยาของอะตารุ
แต่ทว่าชีวิตการแต่งงานของเธอกลับไม่มีความสุขเอาซะเลย เพราะว่าสามีของเธอไม่เคยที่จะมาดูแลเอาใจใส่เธอและลูกมากสักเท่าไหร่

user posted image

สึรุตะ ชิโนะ รับบทโดย ทาคิงาวะ ยูมิ
เป็นเจ้าของร้านอาหารญี่ปุ่นที่ชื่อ “สึรุโนะ” และเป็นแม่บุญธรรมที่เลี้ยงดูฟุซาโกะมา ตอนที่เทปเปและฟุซาโกะยังเด็ก
เธอเคยให้ความเอ็นดูและดูแลเทปเปมาเป็นอย่างดี แต่ทว่าเมื่อ 7 ปีก่อน ตอนที่เธอได้รู้ว่าเทปเปและฟุซาโกะนั้นเริ่มคบกัน
เธอจึงได้คัดค้านหัวชนฝาและจับพวกเขาแยกออกจากกันจนทำให้เด็กทั้งสองคนไม่ได้เจอกันอีก ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เป็นเพราะว่าเธอมีเหตุผลบางอย่างถึงได้ลงมือทำไปเช่นนั้น แต่แล้วในที่สุดเมื่อเธอได้รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเทปเป เธอจึง...

user posted image

อิจิโนเสะ โยชิฮิโกะ รับทบโดย นาริมิยะ ฮิโรกิ
เป็นลูกชายของหัวหน้าโรงงานอิจิโนเสะและเป็นพนักงานที่มีใจรักในการทำงานเกี่ยวกับเหล็กเป็นอย่างยิ่ง อุปนิสัยและการกระทำของเขานั้นคล้ายคลึงกับเทปเปมาก จนบางครั้งเราอาจจะนึกว่าพวกเขาทั้งคู่นั้นเป็นพี่น้องกันได้เลยทีเดียว และด้วยอุปนิสัยนี้เองที่ทำให้ต่อมาเขาได้มาพบรักกับสึกิโกะ แต่ทว่าเนื่องจากการขัดขวางของทางด้านไอโกะผู้ซึ่งไม่ค่อยจะพอใจกับฐานะทางสังคมที่เขาเป็นอยู่เท่าใดนัก ดังนั้น ความรักของทั้งคู่จึงดูไม่ค่อยจะราบรื่นซักเท่าไหร่

user posted image

อิจิโนเสะ (หัวหน้าโรงงานฝ่ายผลิต) รับทบโดย ฮิราอิซูมิ เซ
หัวหน้าโรงงานฝ่ายผลิตผู้ซึ่งเป็นมือขวาที่ไว้วางใจได้ของเทปเป เนื่องมาจากความมุ่งมั่นที่เทปเปแสดงให้เขาได้เห็น
เขาจึงตัดสินใจที่จะมาร่วมหัวจมท้ายไปกับเทปเปจนถึงที่สุด แต่ทว่าในอีกด้านหนึ่งนั้น เขาก็รู้สึกเป็นห่วงที่เทปเปยังไม่ค่อยประสีประสา
กับการดำเนินงานในโลกของธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงสักเท่าใดนัก และด้วยเหตุผลที่ว่าเขาไม่อยากจะไปสร้างความเดือดร้อนให้กับเทปเป ในภายหลังเขาจึงคัดค้านเป็นอย่างมากต่อความรักระหว่างโยชิฮิโกะลูกชายของเขากับสึกิโกะลูกสาวจากตระกูลมันเปียว แต่ทว่าภายในจิตใจลึกๆของเขาแล้วนั้น เขาก็แอบเชียร์ให้ความรักของทั้งคู่สมหวังอยู่เช่นกัน

user posted image

มันเปียว ยาสุโกะ รับทบโดย ฮาราดะ มิเอโกะ
เป็นภรรยาของไดสุเกะและเป็นแม่ของเทปเป, กินเป, อิจิโกะ และ สึกิโกะด้วย เนื่องมาจากว่าเธอถูกเลี้ยงดูมาแบบคุณหนูผู้ซึ่งเติบโตมาในตระกูลผู้ดี ดังนั้น เธอก็เลยไม่ค่อยจะประสีประสากับเรื่องของการจัดการภายในบ้านสักเท่าใดนัก จนในที่สุดก็ต้องไปจ้างไอโกะผู้ซึ่งมาเป็นอาจารย์ให้กับบรรดาลูกๆของเธอ ให้มาช่วยดูแลจัดการเรื่องภายในบ้านแทน และสุดท้ายเธอก็ถูกไอโกะแย่งเอาทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยเป็นของเธอไปจนหมดสิ้น


Staff
บทประพันธ์โดย - ยามาซากิ โทโยโกะ (Karei naru Ichizoku)
บทภาพยนตร์โดย - ฮาชิโมโตะ ฮิโรชิ
Music - ฮัตโตริ ทาคายูกิ
ดำเนินการผลิตโดย - เซโทงุจิ คัตสึอากิ, อุเอดะ ฮิโรกิ
Producer - ฟุกุซาวะ คาสึโอะ, อิชิมารุ อากิฮิโกะ
กำกับการแสดงโดย - ฟุกุซาวะ คาสึโอะ, ยามามุโระ ไดสุเกะ
ผลิตโดย - Tokyo Broadcasting System Television (TBS)
ลิขสิทธิ์โดย - Tokyo Broadcasting System Television (TBS)


++ karei naru ichizoku + SPF บรรยายไทย ++
ซีรี่ย์ชุดยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตการแสดงของ ทาคุยะ คิมุระ ต้นฉบับมาสเตอร์แท้โซน 2 JAP

SET A ดิจิเทร์ยบุ๊ค (? DVD) + SPF บรรยายไทย + OST.
+ BOX + แถม Bushi no Ichibun : Tkuya Kimura
= 1,249 บาทโโ‚ฌฆรวมค่าส่งแล้ว (แถมถึงวันที่ 10 ก.ย.เท่านั้น)
สั่งทำ PACKAGE จากโรงพิมพ์ เพียง 119 ชุดเท่านั้น หมดแล้วครับ...

SET B karei naru ichizoku + SPF บรรยายไทย + OST. (IMPORT BOX)
+ แถม Gedo Senki (Tales from Earthsea)
+ แถม Rainbow Song
= 850บาทโโ‚ฌฆรวมค่าส่งแล้ว (โปรนี้ ถึงวันที่ 10 ก.ย.เท่านั้น)













วันอาทิตย์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2550

สงครามชีวิตโอชิน

Order : Z2picture@yahoo.com

สงครามชีวิตโอชิน

Introduction
มหากาฬแห่งสงคราม....
การต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ ที่มิใช่ด้วยกำลังพลนับแสน ...แต่ทว่าเพียงแค่ผู้หญิงคนเดียว
กับการต่อสู้ที่ไม่มีวันสิ้นสุดยาวนานกว่า 83 ปี
ภาพยนต์ซีรี่ย์ที่ทำให้ประธานาธิบดีโรนัล เรย์แกน แห่งสหรัฐอเมริกาต้องเสียน้ำตา...
พร้อมกับคนนับล้านทั่วโลกที่ได้ชม... “สงครามชีวิตโอชิน"


หากพูดถึงซีรี่ย์ญี่ปุ่นยุด 80 คงไม่มีใครปฎิเสธได้ว่า ภาพยนต์ซีรี่ย์ชุด "สงครามชีวิตโอชิน"
คือละครญี่ปุ่นที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในศตวรรษที่ 20 อย่างแน่นอน
จากสถิตค่าเฉลี่ยเรทติ้ง 52.6 % และสถิตเรทติ้งสูงสุดเป็นประวัติกาล 62.9 %

หากเทียบกับเรทติ้งของซีรี่ย์ปัจจุปันที่ได้รับความนิยมจะอยู่ที่ 20 -25 % สูงสุด คงยืนยันได้ถึงความสุดยอดของภาพยนต์ซีรี่ย์เรื่อง สงครามโอชิน นี้ได้)

"สงครามชีวิตโอชิน" เป็นซีรี่ย์ที่ผลิตขึ้นเพื่อฉลองครบรอบ 31 ปี สถานีโทรทัศน์ NHK โดยออกอากาศครั้งแรกในละครช่วงเช้าเมื่อวันที่ 3 เมษายน ค.ศ. 1983 จนถึง วันที่ 31 มีนาคม คศ.1984 โดยออกอากาศต่อเนื่อง 297 ตอน ตอนละ 15 นาที ซึ่งได้รับการตอบรับจนส่งผลให้กลายเป็นกระแสที่เรียกว่า The Oshin effect และสร้างความประทับใจจากผู้ชมทั่วทั้งญี่ปุ่นตั้งแต่ออกฉายจวบจนมาถึงปัจจุบัน
ความแรงของชีวิตโอชินมิได้หยุดอยู่แค่ภายในเกาะญี่ปุ่นเท่าทั้งแต่กลับถูกถ่ายทอดส่งต่อความประทับใจไปกว่า 59 ประเทศทั่วโลก(ในยุค 80 )ทั้งในประเทศมหาอำนาจอย่าอเมริกา ในยุคของประธานาธิบดีโรนัล เรแกน หรือกับในประเทศคู่กรณี ประเทศต้องห้ามอย่างประเทศจีนเอง (อันนี้คงไม่ต้องพูดอะไรมากถึงการแอนตี้ประเทศญี่ปุ่น ในกรณีสงครามโลกครั้งที่ 2 ) ซึ่งสร้างประวัติกาลโดยมีผู้ชมคอยติดตามชมกว่า 200 ล้านคนในประเทศจีนเอง และที่สำคัญรวมถึงประเทศไทยด้วย ที่ทางททบ. 5 ได้นำมาออกอากาศ ถือเป็นการเปิดศักราชกระแสละครญี่ปุ่นในไทยที่ตามมาอีกหลายๆเรื่อง

ภาพยนตร์ชุด สงครามชีวิตโอชิน
โดยมีเนื้อหาที่เล่าถึงชีวิตของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ที่เธอต้องฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆนาๆที่ผ่านพ้นเข้ามาในชีวิตของเธอทั้ง ความยากจนข้นแค้นจนแทบไม่มีจะกินทั้งการกดขี่ข่มเหงของนายจ้างที่เธอเข้าไปทำงานและอาศัยอยู่ด้วย ทั้งการสูญเสียบุคคลผู้อันเป็นที่รักไป ฯลฯ แต่ทั้งนี้ก็ยังมีคนที่พร้อมที่จะให้โอกาสดีๆกับเธอ
ละครชุดนี้จึงทำให้ผู้ที่ได้ชมเห็นถึงความเป็นมนุษย์ทั้ง 2 ด้าน ประกอบกับแฝงคำสอนและแง่คิดไปทุกชั่วขณะ ด้วยบทสรุปที่ว่าตัวเรานั้นไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลกและตอบโจทย์คำถามที่ว่า “คำว่าพอเพียง นั้นอยู่ที่ไหน…” จนในที่สุดเธอก็อดทนสู้พยายามฟันฝ่ามาจนกระทั่งประสบความสำเร็จในชีวิต และด้วยเหตุนี้เอง ที่ทำให้ทางสถานีโทรทัศน์ NHK ของประเทศญี่ปุ่นได้เล็งเห็นถึงคุณค่าและประโยชน์ที่จะได้รับในการถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตของเด็กผู้หญิงคนนี้ ตั้งแต่เธอยังเยาว์วัยจนกระทั่งเธอเสียชีวิตไปแล้วให้แก่เด็กๆในประเทศของเขาได้รับชม ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการเสริมสร้างทัศนคติความเชื่อที่ดีงามต่อการทำงานและการเรียนรู้ถึงความยากลำบากของการใช้ชีวิตให้กับเด็กๆในประเทศของเขา จึงทำให้คนในชาติของเขามีทั้งความอดทน และความขยันขันแข็งในหน้าที่การงานของตนเอง จนทำให้ประเทศซึ่งแต่เดิม ก็คือ ประเทศที่ไม่มีอะไรเลยจากการพ่ายแพ้ในสงครามสามารถก่อร่างสร้างตัวจนกลายมาเป็นประเทศที่มั่งคั่ง และมีเศรษฐกิจที่เจริญก้าวหน้าไม่แพ้ประเทศมหาอำนาจอื่นๆในโลกได้

เวลา 23 ปีแห่งการรอคอย สำหรับใครหลายๆคนที่ยังคงมีความประทับใจ และรอเพื่อจะได้ชมละครญี่ปุ่นเรื่องนี้อีกครั้ง ซึ่งรวมถึงตัวผมเองก็ด้วย นี่คงจะเป็นโอกาสพิเศษที่จะให้คอละครดราม่าญี่ปุ่น และนักสะสม รวมถึงผู้ที่สนใจเก็บละครญี่ปุ่นชุดสงครามชีวิตโอชินในรูปแบบของ DVD เอาไว้เป็นสมบัติแห่งความทรงจำ เป็นของขัวัญแก่คนที่รักและเคราพ รวมถึงเป็นบทเรียนชีวิตแก่ลูกหลาน ที่จะสะท้อนให้เห็นการต่อสู้ชีวิตความพยายามอุตสาหะ ความรักความผูกพันสายสัมพันธ์ทางสายเลือด รวมถึงแง่คิดต่างๆที่สอดแทรกมาให้คบคิดตลอดทุกๆตอน ผ่านคำบอกเล่าของโอชินสู่หลานชายของเธอ ยิ่งในสังคมปัจจุบันที่ทุกคนต่างกันแย่งชิงดี ในยุคที่จริยธรรมกลายเป็นคำถามที่ต้องถกเถียงกันภาพยนต์ซีรี่ย์ญี่ปุ่นที่จะสะท้อนคุณค่าแห่งมหากาฬสงครามชีวิตของผู้หญิงตัวเล็กๆคนนึงตลอดระยะเวลาตั้งแต่ลมหายใจแรก...จนถึงลมหายใจสุดท้ายของเธอ


เมื่อตอนคุณยังเด็กคุณเคยได้ยินคุณปูคุณย่าเล่าให้ฟังถึง เรื่องราวการต่อสู้ชีวิตของท่านไหม....
คุณยังจำดวงตาและใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม เวลาท่านมองคุณได้ไหม...




สงครามชีวิตโอชิน / Story
หลังจากที่ประเทศญี่ปุ่นพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่1 เศรษฐกิจของญี่ปุ่นในช่วงนั้นก็ได้รับความเสียหายเป็นอย่างมากจากภัยสงคราม บรรดาผู้คนที่มีชีวิตอยู่ในสมัยนั้น ต่างก็ต้องอยู่กันอย่างอดๆอยากๆ ถึงแม้ว่าต่อมาในภายหลังเศรษฐกิจจะค่อยๆฟื้นตัวกลับคืนมาบ้างก็ตาม แต่ก็ยังมีประชากรที่ยังต้องลำบากยากจนอยู่ดี และในจำนวนนั้นก็มีครอบครัวของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งรวมอยู่ด้วย และชื่อของเด็กผู้หญิงคนนั้นก็คือ โอชิน…

user posted image

ด้วยความยากจนแสนสาหัส หลายคนคงยังฉากที่โอชินนั่งแพ เพราะไม่มีเงินพอที่จะเสียค่าเรือ (การนั่งเรือในแม่น้ำเชี่ยวกราดถือว่าอันตรายมาก สำหรับเด็ก 7ขาบจากอ้อมออกพ่อแม่ และย่า เพื่อไปเป็นพี่เลี้ยงเด็ก หรือเด็กผู้หญิงตัวเล็กแก้มแดงๆ ที่แบกเด็กทารกได้บนหลังอยู่ตลอดได้ ในตอนที่ โอชิน มีอายุได้ 7 ปีนั้น เธอก็ต้องเข้าไปรับการฝึกงานจากทางร้าน นากางาวะ ซึ่ง ณ ที่แห่งนั้นเองที่ทำให้เธอได้พบกับ สึเนะ ผู้ที่ทำหน้าที่ในการสอนงานของที่ร้านให้กับเธออย่างเข้มงวดกวดขัน ซึ่งดูเหมือนจะไม่ชอบเธอสักเท่าไหร่ที่นี่เองทำให้โอชินรู้ถึงความยากลำบาก ของการมาเป็นคนรับใช้และความยากแค้นของความจน… ตลอดช่วงวัยเด็กที่ต้องเผชิญกับการสูญเสียคนที่ที่รักทั้งพี่ชายใจดีผู้ช่วยชีวิตเธอ ชุนซากุ และย่า ผู้เป็นคนที่รักเธอมากที่สุดไป...

user posted image

จวบโอชินจนเป็นสาวแรกรุ่น ความยากลำบากของเธอก็มิได้ลดหย่อนลงแต่อย่างใด แต่กลับมีความลำบาก(ใจ) ที่เธอเองมิเคยพานพบมาก่อนถาโถมใส่ชีวิตเธอ นั่นคือความรัก... ทั้งที่เป็นรักลวงและรักแท้ที่ทำให้หลายๆอย่าง และหลายๆคนในชีวิตเธอต้องจากเธอไป ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนสนิทต่างฐานะ คุณหนูคาโย พี่ฮารุพี่สาวสุดที่รักของเธอ และในช่วงเวลาที่ชีวิตของเธอที่ดูเหมือนจะได้พบกับความสุข สงครามหาบูรพา(สงครามโลกครั้งที่ 2) ก็บังเกิดขึ้น สงครามที่ทำให้เธอได้เห็นความโหดร้ายและดวงตามารจากฟากฟ้าที่ตกลงมายังพื้นโลกเป็นครั้งแรก...

user posted image

ชีวิตและโชคชะตาอันน่าเศร้าของเธอจะดำเนินไปอย่างไร จากความยากจนที่ต้องกินข้าวต้นหัวไชเท้าแทนข้าวขาวทุกมื้อแต่ก็มิได้กินอิ่มท้อง จากเด็กผู้หญิงตัวเล็กที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคนานนับประการ ทุกช่วงชีวิตที่เต็มเป็นด้วยความสุขและความเศร้า ในอนาคตเธอ
ยังคงต้องเผชิญกับอุปสรรคอะไรอีกบ้างที่จะเข้ามาในชีวิต และเธอจะสามารถผ่านพ้นอุปสรรคเหล่านั้นไปได้หรือไม่

user posted image

เรามาร่วมให้กำลังใจเธอและรับชมไปกับภาพยนตร์ที่ได้ชื่อว่า เป็นภาพยนตร์ที่ยอดเยี่ยมตลอดกาลของประเทศญี่ปุ่นกันดีกว่า...

Cast


user posted image
ทานิมุระ โอชิน - โคบายาชิ อายาโกะ
(โอชินตอนเด็ก 6 – 10 ปี)



user posted image
จาก ทานิมุระ ชิน มาเป็น ทาโนคุระ โอชิน - ทานากะ ยูโกะ
(โอชินจากวัยสาวถึงวัยกลางคน 16 – 46 ปี)


user posted image
ทาโนคุระ โอชิน - โอโตวะ โนบุโกะ
(โอชินจากวัยกลางคนถึงวัยชรา 50 – 84ปี)


user posted image
ทานิมุระ ฟูยิ (คุณแม่ของโอชิน) - อิซูมิ ปิงโกะ


user posted image
ทานิมุระ ซากุโซ (คุณพ่อของโอชิน) - อิโต ชิโร


user posted image
นากะ (คุณย่าของโอชิน) - โอจิ มิจิโอะ


Staff
บทประพันธ์และบทภาพยนตร์โดย - ฮาชิดะ ซุงาโกะ
กำกับการแสดงโดย - ยามาโมโตะ เออิจิ
ผู้ช่วยผู้กำกับ - ทานาฮาชิ คาซูโนริ
ผลิตโดย - สึจิ ชินทาโร่
Producer - โทมิโอกะ โคจิ, ฮาตาโนะ สึเนมาสะ
ถ่ายทำโดย - คุมางาอิ โคจิ
Music - ซากาตะ โคอิจิ
ฝ่ายศิลป์ - อาเบะ ยูกิโอะ
เรียบเรียงโดย - โองาวะ โนบุโอะ
บันทึกเสียงโดย - ฮายาชิ โชเฮ
Script บทโดย - อาคาโฮริ คันจิ
- ยูอาสะ โนบุโกะ
- มัตสึยามะ มายะ

สนใจสั่งจองได้ที่...
z2picture@yahoo.com


















วันพุธที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2550

SUKIDA (ฉันชอบเธอ...)

** SUKIDA (ฉันชอบเธอ...) ** โดย Z2PICTURE


user posted image


Introduction (แปลและเรียบเรียงจาก WEBSITE http://www.su-ki-da.jp/)

ภาพยนตร์เกี่ยวกับความรักอันบริสุทธิ์ ที่ถูกสร้างขึ้นมาจากความร่วมมือของเหล่านักแสดงชั้นนำที่มารวมตัวกันอย่างปาฏิหาริย์
เริ่มจากมิยาซากิ อาโออิ นักแสดงสาวหน้าใหม่ที่กำลังเป็นที่นิยมเป็นอันดับหนึ่งอยู่ในขณะนี้จากภาพยนตร์ชื่อดังอย่างเรื่อง NANA ถึงแม้ว่าการแสดงของเธออาจจะยังไม่สามารถเรียกได้ว่า ถึงขั้นทัดเทียมกับปรมาจารย์แห่งโลกภาพยนตร์ แต่ว่าเธอก็สามารถแสดงความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาที่กลั่นออกมาจากภายในจิตใจของเธอได้อย่างเป็นธรรมชาติและสมจริง
โดยที่เราไม่อาจจะหานักแสดงหญิงชั้นแนวหน้าคนไหนมาเทียบเทียมกับเธอได้เลย

user posted imageuser posted image

ในครั้งนี้เธอจะมารับบทเป็น ยู (17 ปี) เด็กสาวที่ความรู้สึกภายในจิตใจของเธอไม่สามารถจะที่จะสื่อไปถึง โยสุเกะ (17 ปี) รับบทโดย นากายามะ เอตะ ได้เลย ในส่วนของนากายามะ นั้นเขาก็เคยฝากผลงานผ่านตาเรามาไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นทั้งในเรื่อง Summer Time Machine Blues หรือ Orange Days และที่จะขาดไม่ได้เลย ก็คือผู้ที่จะมารับบทเป็น โยสุเกะ (34 ปี) เขาคนนั้นก็คือ นิจิชิมะ ฮิเดโตชิ นั่นเอง และนอกจากนี้เรายังได้นักแสดงสาวที่เคยผ่านผลงานเวที ภาพยนตร์ ทั้งในจอแก้วและจอเงินมานับไม่ถ้วนอย่าง นางาซากุ ฮิโรมิ มารับบทเป็นยู (34 ปี) ให้อีกด้วย อีกทั้งเรายังได้นักแสดงชื่อดังมากมายอย่าง โอยามาดะ ซายูริ, โนนามิ มาโฮะ, คาเสะ เรียว และโอโมริ นาโอะ มาร่วมแสดงในครั้งนี้ด้วย และสิ่งที่เราจะลืมไปไม่ได้ก็คือ ผู้ที่จะมาทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ดำเนินไปได้อย่างลุล่วง คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากผู้กำกับอิชิคาวะ นั่นเอง โดยที่เขาเคยฝากผลงานอันเลื่องชื่อมาให้เราได้รับชมกันไปแล้วอย่างเรื่อง Tokyo Sora ที่เคยได้รับรางวัล New Montreal ในงานภาพยนตร์นานาชาติปี 2005 มาแล้ว



Story (แปลและเรียบเรียงจาก WEBSITE http://www.su-ki-da.jp/)

ยู เด็กสาวอายุ 17 ปี

ภาพแห่งความทรงจำเกี่ยวกับ โยสุเกะ อดีตนักเบสบอลของชมรมที่เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนเดียวกันกับเธอกำลังนั่งดีดกีตาร์อยู่ที่ริมแม่น้ำ
ฉายซ้ำไปซ้ำมาอยู่ภายในความทรงจำของเธออย่างไม่มีวันจบสิ้น ทั้งๆที่เธอไม่ได้อยากจะนึกถึงมันเลย แต่ก็มักจะนึกถึงมันขึ้นมาทุกที
“สำหรับฉันที่มักจะเป็นคนถือทิฐิอยู่แบบนี้ เธอคงไม่เคยรู้สึกเลยว่าฉันคิดยังไงกับเธองั้นสินะ...
นี่ โยสุเกะ... ทำไมนะ ทั้งๆที่ฉันใกล้เธอถึงขนาดนี้แล้ว ทำไมฉันถึงไม่สามารถบอกความรู้สึกนี้ให้เธอได้รับรู้ได้ละ
แล้วหลังจากนั้นมา พวกเราก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย”

user posted imageuser posted image

โยสุเกะ 34 ปี

“หลังจากนั้นมา 17 ปี
ผมก็ได้พบกับ ยู โดยบังเอิญ
ในช่วงเวลาที่ผมกำลังทำงานอยู่ ทำไมภาพของ ยู ถึงได้ปรากฏขึ้นมาอย่างต่อเนื่องในหัวของผมนะ
นี่ ยู... ทำไมผมถึงไม่สามารถลืมเลือนเรื่องราวของเธอได้เลยละ”


“ฉันชอบเธอ” คำพูดเพียงคำเดียวที่คนทั้งคู่ไม่สามารถที่จะพูดมันออกไปได้
ในที่สุด มันก็ได้วนเวียนกลับมาในความทรงจำเพื่อเรียกร้องถึงอะไรบางอย่าง
ยู และ โยสุเกะ ในวัย 17 ปี เขาทั้งสองไม่สามารถพูดคำพูดเพียงคำเดียวที่อยากจะสื่อออกไปว่า
“ฉันชอบเธอ” ได้ จึงได้ตัดสินใจที่จะไม่พูดในสิ่งที่พวกเขาทำไม่ได้นั้นออกไป และเมื่อกาลเวลาผ่านไปเป็นเวลา 17 ปี
โยสุเกะ ในวัย 34 ปี ก็ได้กลับมาพบกับ ยู อีกครั้ง...


Voice (แปลและเรียบเรียงจาก WEBSITE http://www.su-ki-da.jp/)

user posted imageuser posted image

“มีอยู่วันหนึ่ง ในช่วงวัย 30 ปีของผม ผมได้ส่องกระจกดูรูปร่างหน้าตาของตัวเองในห้องน้ำของบาร์แห่งหนึ่ง
แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันดูไม่เหมือนตัวเองยังไงไม่รู้สิมันช่วยไม่ได้ที่เราจะคิดว่า ตัวของเราในกระจกที่เราเห็นนั้น
มันไม่เหมือนกับตัวเราสมัยเมื่อยังอายุเพียงแค่ 10 ขวบเท่านั้นเอง
(ช่วงเวลานั้น ผมได้บอกคนที่อยู่ในกระจกตรงหน้าว่า นี่นายใช่คนเดียวกับฉันเมื่อตอนอายุ 10 ขวบจริงๆเหรอเปล่าเนี่ย)
คนเราพออายุได้ 30 ปีแล้ว เรามักจะมีคำพูดบางประโยคที่เราไม่สามารถบอกกับคนบางคนให้เขา
รับรู้ได้ ทั้งๆที่มันน่าจะพูดออกไป แต่ไม่ว่ายังไงเราก็ไม่สามารถพูดมันได้เลย
คำพูดประโยคนั้นก็คือ “ฉันชอบเธอ” นั่นเอง...
แต่ครั้นพอผมได้ย้อนรำลึกถึงตัวเองเมื่อสมัย 10 ขวบแล้ว ผมก็นึกขึ้นมาได้ว่า ตอนนั้น ผมเองก็พูด
คำๆนี้ไม่ได้เหมือนกันนี่ (ไม่ได้มีอะไรก้าวหน้าไปเลยแฮะ ผมเนี่ย)
ในโลกนี้บางสิ่งบางอย่างอาจจะผันแปรไปตามกาลเวลา แต่ก็มีบางอย่างที่ไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านเลยไป
ยังไง มันก็ยังคงไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ภาพยนตร์ที่แสดงออกถึงความรู้สึกของคนสองคนที่มีอยู่ในเรื่องนี้นั้น ไม่ว่าเมื่อไหร่มันก็ยังคงสะท้อนถึง
อารมณ์ที่คุกรุ่นอยู่ภายในจิตใจของผมเสมอมา ถ้าเราไม่หันหน้าเข้ามาหากันแล้วละก็ ไม่ว่าเมื่อไหร่
มันก็คงจะไม่มีวันที่จะคืบหน้าไปแน่ ดังนั้น ผมถึงได้เริ่มสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ เพื่อที่จะสื่อถึงอะไรบางอย่าง
ที่ผมอยากจะบอกกับใครบางคนมาเป็นเวลานานภายในจิตใจของคนเรานั้น ย่อมต้องมีความรู้สึกบางอย่าง
ที่เราไม่สามารถจะสื่อออกมาเป็นคำพูดได้ มันยังคงสะท้อนก้องกังวานอยู่ภายในจิตใจของเราเสมอมา
จนกว่าจะถึงวันที่เราพบสิ่งที่จะสามารถเติมเต็มจิตใจของเราได้อย่างบริบูรณ์”

ลิงค์: