วันพุธที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2550

SUKIDA (ฉันชอบเธอ...)

** SUKIDA (ฉันชอบเธอ...) ** โดย Z2PICTURE


user posted image


Introduction (แปลและเรียบเรียงจาก WEBSITE http://www.su-ki-da.jp/)

ภาพยนตร์เกี่ยวกับความรักอันบริสุทธิ์ ที่ถูกสร้างขึ้นมาจากความร่วมมือของเหล่านักแสดงชั้นนำที่มารวมตัวกันอย่างปาฏิหาริย์
เริ่มจากมิยาซากิ อาโออิ นักแสดงสาวหน้าใหม่ที่กำลังเป็นที่นิยมเป็นอันดับหนึ่งอยู่ในขณะนี้จากภาพยนตร์ชื่อดังอย่างเรื่อง NANA ถึงแม้ว่าการแสดงของเธออาจจะยังไม่สามารถเรียกได้ว่า ถึงขั้นทัดเทียมกับปรมาจารย์แห่งโลกภาพยนตร์ แต่ว่าเธอก็สามารถแสดงความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาที่กลั่นออกมาจากภายในจิตใจของเธอได้อย่างเป็นธรรมชาติและสมจริง
โดยที่เราไม่อาจจะหานักแสดงหญิงชั้นแนวหน้าคนไหนมาเทียบเทียมกับเธอได้เลย

user posted imageuser posted image

ในครั้งนี้เธอจะมารับบทเป็น ยู (17 ปี) เด็กสาวที่ความรู้สึกภายในจิตใจของเธอไม่สามารถจะที่จะสื่อไปถึง โยสุเกะ (17 ปี) รับบทโดย นากายามะ เอตะ ได้เลย ในส่วนของนากายามะ นั้นเขาก็เคยฝากผลงานผ่านตาเรามาไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นทั้งในเรื่อง Summer Time Machine Blues หรือ Orange Days และที่จะขาดไม่ได้เลย ก็คือผู้ที่จะมารับบทเป็น โยสุเกะ (34 ปี) เขาคนนั้นก็คือ นิจิชิมะ ฮิเดโตชิ นั่นเอง และนอกจากนี้เรายังได้นักแสดงสาวที่เคยผ่านผลงานเวที ภาพยนตร์ ทั้งในจอแก้วและจอเงินมานับไม่ถ้วนอย่าง นางาซากุ ฮิโรมิ มารับบทเป็นยู (34 ปี) ให้อีกด้วย อีกทั้งเรายังได้นักแสดงชื่อดังมากมายอย่าง โอยามาดะ ซายูริ, โนนามิ มาโฮะ, คาเสะ เรียว และโอโมริ นาโอะ มาร่วมแสดงในครั้งนี้ด้วย และสิ่งที่เราจะลืมไปไม่ได้ก็คือ ผู้ที่จะมาทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ดำเนินไปได้อย่างลุล่วง คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากผู้กำกับอิชิคาวะ นั่นเอง โดยที่เขาเคยฝากผลงานอันเลื่องชื่อมาให้เราได้รับชมกันไปแล้วอย่างเรื่อง Tokyo Sora ที่เคยได้รับรางวัล New Montreal ในงานภาพยนตร์นานาชาติปี 2005 มาแล้ว



Story (แปลและเรียบเรียงจาก WEBSITE http://www.su-ki-da.jp/)

ยู เด็กสาวอายุ 17 ปี

ภาพแห่งความทรงจำเกี่ยวกับ โยสุเกะ อดีตนักเบสบอลของชมรมที่เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนเดียวกันกับเธอกำลังนั่งดีดกีตาร์อยู่ที่ริมแม่น้ำ
ฉายซ้ำไปซ้ำมาอยู่ภายในความทรงจำของเธออย่างไม่มีวันจบสิ้น ทั้งๆที่เธอไม่ได้อยากจะนึกถึงมันเลย แต่ก็มักจะนึกถึงมันขึ้นมาทุกที
“สำหรับฉันที่มักจะเป็นคนถือทิฐิอยู่แบบนี้ เธอคงไม่เคยรู้สึกเลยว่าฉันคิดยังไงกับเธองั้นสินะ...
นี่ โยสุเกะ... ทำไมนะ ทั้งๆที่ฉันใกล้เธอถึงขนาดนี้แล้ว ทำไมฉันถึงไม่สามารถบอกความรู้สึกนี้ให้เธอได้รับรู้ได้ละ
แล้วหลังจากนั้นมา พวกเราก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย”

user posted imageuser posted image

โยสุเกะ 34 ปี

“หลังจากนั้นมา 17 ปี
ผมก็ได้พบกับ ยู โดยบังเอิญ
ในช่วงเวลาที่ผมกำลังทำงานอยู่ ทำไมภาพของ ยู ถึงได้ปรากฏขึ้นมาอย่างต่อเนื่องในหัวของผมนะ
นี่ ยู... ทำไมผมถึงไม่สามารถลืมเลือนเรื่องราวของเธอได้เลยละ”


“ฉันชอบเธอ” คำพูดเพียงคำเดียวที่คนทั้งคู่ไม่สามารถที่จะพูดมันออกไปได้
ในที่สุด มันก็ได้วนเวียนกลับมาในความทรงจำเพื่อเรียกร้องถึงอะไรบางอย่าง
ยู และ โยสุเกะ ในวัย 17 ปี เขาทั้งสองไม่สามารถพูดคำพูดเพียงคำเดียวที่อยากจะสื่อออกไปว่า
“ฉันชอบเธอ” ได้ จึงได้ตัดสินใจที่จะไม่พูดในสิ่งที่พวกเขาทำไม่ได้นั้นออกไป และเมื่อกาลเวลาผ่านไปเป็นเวลา 17 ปี
โยสุเกะ ในวัย 34 ปี ก็ได้กลับมาพบกับ ยู อีกครั้ง...


Voice (แปลและเรียบเรียงจาก WEBSITE http://www.su-ki-da.jp/)

user posted imageuser posted image

“มีอยู่วันหนึ่ง ในช่วงวัย 30 ปีของผม ผมได้ส่องกระจกดูรูปร่างหน้าตาของตัวเองในห้องน้ำของบาร์แห่งหนึ่ง
แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันดูไม่เหมือนตัวเองยังไงไม่รู้สิมันช่วยไม่ได้ที่เราจะคิดว่า ตัวของเราในกระจกที่เราเห็นนั้น
มันไม่เหมือนกับตัวเราสมัยเมื่อยังอายุเพียงแค่ 10 ขวบเท่านั้นเอง
(ช่วงเวลานั้น ผมได้บอกคนที่อยู่ในกระจกตรงหน้าว่า นี่นายใช่คนเดียวกับฉันเมื่อตอนอายุ 10 ขวบจริงๆเหรอเปล่าเนี่ย)
คนเราพออายุได้ 30 ปีแล้ว เรามักจะมีคำพูดบางประโยคที่เราไม่สามารถบอกกับคนบางคนให้เขา
รับรู้ได้ ทั้งๆที่มันน่าจะพูดออกไป แต่ไม่ว่ายังไงเราก็ไม่สามารถพูดมันได้เลย
คำพูดประโยคนั้นก็คือ “ฉันชอบเธอ” นั่นเอง...
แต่ครั้นพอผมได้ย้อนรำลึกถึงตัวเองเมื่อสมัย 10 ขวบแล้ว ผมก็นึกขึ้นมาได้ว่า ตอนนั้น ผมเองก็พูด
คำๆนี้ไม่ได้เหมือนกันนี่ (ไม่ได้มีอะไรก้าวหน้าไปเลยแฮะ ผมเนี่ย)
ในโลกนี้บางสิ่งบางอย่างอาจจะผันแปรไปตามกาลเวลา แต่ก็มีบางอย่างที่ไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านเลยไป
ยังไง มันก็ยังคงไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ภาพยนตร์ที่แสดงออกถึงความรู้สึกของคนสองคนที่มีอยู่ในเรื่องนี้นั้น ไม่ว่าเมื่อไหร่มันก็ยังคงสะท้อนถึง
อารมณ์ที่คุกรุ่นอยู่ภายในจิตใจของผมเสมอมา ถ้าเราไม่หันหน้าเข้ามาหากันแล้วละก็ ไม่ว่าเมื่อไหร่
มันก็คงจะไม่มีวันที่จะคืบหน้าไปแน่ ดังนั้น ผมถึงได้เริ่มสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ เพื่อที่จะสื่อถึงอะไรบางอย่าง
ที่ผมอยากจะบอกกับใครบางคนมาเป็นเวลานานภายในจิตใจของคนเรานั้น ย่อมต้องมีความรู้สึกบางอย่าง
ที่เราไม่สามารถจะสื่อออกมาเป็นคำพูดได้ มันยังคงสะท้อนก้องกังวานอยู่ภายในจิตใจของเราเสมอมา
จนกว่าจะถึงวันที่เราพบสิ่งที่จะสามารถเติมเต็มจิตใจของเราได้อย่างบริบูรณ์”

ลิงค์:

ไม่มีความคิดเห็น: