วันศุกร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2550

Taiyou no uta (A Song To The Sun)

หรือ “บอกรักผ่านตะวัน... ฝากหัวใจไปให้เธอ” อีกหนึ่งภาพยนต์ญี่ปุ่นที่คุณต้องเก็บไว้ในใจ heart.gif
user posted image

Introduction (แปลและเรียบเรียงจาก http://www.taiyonouta.jp/)

เด็กสาวผู้ที่สามารถมีชีวิตอยู่ได้แค่ภายใต้แสงจันทร์
กับเด็กหนุ่มผู้ที่มีใจรักการโต้คลื่นภายใต้แสงตะวัน
เมื่อเขาและเธอที่อยู่ในโลกที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงได้มาพบกัน
เรื่องราวของความรักอันแสนเศร้าจึงได้เริ่มต้นขึ้น...

บทเพลงที่เธอขับขานไว้ภายใต้แสงสว่างอันนุ่มนวลของดวงจันทร์
จะยังคงตราตรึงอยู่ในใจของท่านผู้ชมตลอดไป
เป็นเพราะว่าบทเพลงนี้ เปรียบเสมือนกับสัญลักษณ์ของการมีชีวิตอยู่
แม้เวลาที่จะอยู่ในโลกนี้ของเธอ มันจะเหลือน้อยลงไปทุกทีแล้วก็ตาม

user posted image


ภาพยนตร์เรื่องแรกที่ YUI นักร้องและนักแต่งเพลงชื่อดังของวงการเพลงญี่ปุ่นได้เข้ามาร่วมแสดงด้วยเป็นครั้งแรก โดยในครั้งนี้เธอจะมารับบทเป็น อามาเนะ คาโอรุ
เด็กสาวผู้ซึ่งป่วยเป็นโรคที่ไม่สามารถสัมผัสกับแสงอาทิตย์ได้ และเวลาที่เธอจะมีชีวิตอยู่ที่โลกใบนี้ มันก็เหลือน้อยลงไปแล้วทุกที แต่แล้วเมื่อเธอได้มาพบกับ โคจิ (สึกาโมโตะ ทาคาชิ)
เธอจึงได้รู้ซึ้งถึงความหมายของคำว่า รัก ทำให้เธอต้องการที่จะใช้เวลาที่ยังคงมีเหลืออยู่ อยู่ร่วมกันกับเขาให้ได้นานที่สุด และก่อนที่เธอจะต้องจากโลกแห่งนี้ไป
เธอก็ได้ฝากบทเพลงที่เปรียบเสมือนกับคำสัญญาที่เธอมอบไว้ให้กับเขา ยามใดก็ตามที่เขานึกถึงเธอขึ้นมา บทเพลงนี้มีชื่อว่า Good-bye days (ลาก่อน ช่วงเวลาที่แสนสุข)
โดยที่บทเพลงนี้ YUI เธอได้แต่งขึ้นมาเพื่อมอบให้กับ อามาเนะ คาโอรุ ตัวจริงผู้ซึ่งกำลังป่วยเป็นโรคร้ายนี้อยู่ และยังเป็นบทเพลงที่ส่งมอบกำลังใจให้กับผู้ป่วยคนอื่นๆ
ที่ป่วยเป็นโรคร้ายแบบนี้ด้วย

user posted image

Live Life Love Story

Live - คือ ความรู้สึกที่หลงใหลในเสียงดนตรี
Life - คือ ความรู้สึกดิ้นรนเพื่อที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป
Love - คือ ความรู้สึกที่อยากจะมอบบทเพลงนี้ไว้ให้กับเธอ...

แม้จะพบกันได้เพียงแค่ตอนกลางคืน แต่เราก็มาพบกันเถอะนะ
พระอาทิตย์ตกเมื่อไหร่ ฉันจะไปหาเธอ
และแม้เธอจะกลับคืนสู่ดวงตะวันแล้วก็ตาม
แต่บทเพลงที่เธอให้ไว้ จะยังคงอยู่ในใจฉันตลอดไป

user posted image

อามาเนะ คาโอรุ (YUI) เด็กสาวคนหนึ่งอายุ 16 ปี เธอไม่ได้ไปโรงเรียนเพื่อที่จะไปเรียนหนังสือตามปกติอย่างเด็กทั่วๆไป
ทุกๆคืนเธอมักจะไปร้องเพลงอยู่ที่ลานหน้าสถานีรถไฟฟ้า ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากว่า เธอป่วยเป็นโรค XP (Xeroderma Pigmentosum) ซึ่งเป็นโรคทางผิวหนังชนิดหนึ่ง
ที่เกิดมาจากการที่พันธุกรรมผิดปกติและมีความบกพร่องในการซ่อมแซมดีเอ็นเอที่ถูกทำลายด้วยรังสีอุลตราไวโอเลต (UV) ทำให้เธอไม่สามารถที่จะออกไปสัมผัส
กับแสงอาทิตย์โดยตรงได้ เธอจึงต้องใช้ชีวิตในแต่ละวันที่แตกต่างจากคนอื่นโดยสิ้นเชิง แต่ก็ยังมีสิ่งหนึ่งที่ยังคงเป็นแรงใจให้เธอสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้
และเป็นสิ่งที่เชื่อมโยง คาโอรุ เข้ากับโลกภายนอกนั้นก็คือ เสียงดนตรีนั่นเอง

user posted image

ในแต่ละวัน ตอนที่เธอกลับมาจากการเล่นดนตรีที่สถานีรถไฟ เธอมักจะแอบจ้องมองเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่เขามาพร้อมกับเซิร์ฟบอร์ดเพื่อที่จะรอเวลาได้ไปเล่นโต้คลื่น
ที่ชายทะเลจากทางหน้าต่างห้องนอนของเธอเป็นกิจวัตรประจำวัน ซึ่งเด็กผู้ชายคนนั้นก็คือ โคจิ (สึกาโมโตะ ทาคาชิ) นั่นเอง
คน 2 คนที่ใช้ชีวิตในช่วงเวลาที่ไม่เหมือนกัน แต่แล้วในที่สุดโชคชะตาก็ได้ชักนำพวกเขาให้ได้มารู้จักกัน รอยจูบครั้งแรกของพวกเขา ความรักครั้งแรกของพวกเขา
ความฝันที่อยากจะมีชีวิตเฉกเช่นคนปกติโดยทั่วไป แต่ด้วยโรคร้ายที่เธอเป็นอยู่ เวลาที่พวกเขาจะอยู่ด้วยกันนั้น มันจึงค่อยๆหมดลงไปทุกที ไม่นานนักคาโอรุ...
เหลือเพียงไว้แต่ความทรงจำที่ยังคงตราตรึงอยู่ในใจของโคจิ และบทเพลงที่เธอฝากทิ้งไว้ ที่ยังคงเปรียบเสมือนกับสัญญาที่เธอมีต่อเขาอย่างไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไป...

user posted image


รายละเอียดเล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับโรค XP (Xeroderma Pigmentosum)
แปลและเรียบเรียงมาจาก http://homepage2.nifty.com/furekkuru

โรค Xeroderma Pigmentosum หรือที่เราเรียกกันสั้นๆว่า โรค XP นี้เป็นโรคทางผิวหนังที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากทางพันธุกรรม
โดยทางการแพทย์แล้วเราถือว่าเป็นยีนด้อย อาการของผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้จะไม่สามารถออกไปสัมผัสกับแสงแดดโดยตรงได้ เนื่องมาจากว่ายีนมีความผิดปกติ
ในการซ่อมแซมดีเอ็นเอ ที่ถูกทำลายด้วยรังสีอุลตราไวโอเลต (UV) ทำให้ภูมิคุ้มกันทางผิวหนังที่มีต่อแสงแดดอ่อนด้อยลงไป โดยปกติแล้ว
โรคนี้จะแบ่งออกเป็น 10 ชนิด คือ ฃนิด A ถึงชนิด Iตามลักษณะของภูมิประเทศและภูมิอากาศที่ผู้ป่วยอาศัยอยู่ในที่นั้นๆ ซึ่งชนิดของโรคที่ตัวละครในเรื่องนี้กำลังเป็นอยู่นั้น
คือ ชนิด A เป็นชนิดที่ผู้ป่วยจะมีอาการแสดงออกทางเส้นประสาทส่วนกลาง และส่วนย่อยของทางผิวหนัง ซึ่งเป็นชนิดที่พบกันมากในประเทศญี่ปุ่น


ไม่มีความคิดเห็น: